PRI ปิดเทรดวันแรกที่ 19.20 บาท เพิ่มขึ้น 4.20 บาท หรือ +28.00% จากราคา IPO ที่ 15.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 4,516.47 ล้านบาท จากราคาเปิด 21.50 บาท ราคาสูงสุด 21.90 บาท ราคาต่ำสุด 18.10 บาท
นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหุ้น PRI เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยมีความมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำแก่ลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์และลูกค้ารายย่อย บริการครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่อาศัย เข้าอยู่อาศัยแล้ว และหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ และขับเคลื่อนการให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Tech Service) โดยมีแอปพลิเคชัน (PRIMO Plus) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมต่อและให้บริการแก่ลูกค้า
อีกทั้งยังมีฐานลูกค้าจาก บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) และลูกค้าทั่วไปที่ทำสัญญาให้บริการแบบระยะยาวและรายครั้ง ช่วยสนับสนุนความมั่นคงให้กับรายได้ จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยกระดับบริษัทฯ สู่การเป็นผู้นำของธุรกิจให้บริการด้านอสังหาฯ แบบครบวงจรที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ บริการที่หลากหลายแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม (Pre-Living Services) เช่น บริการที่ปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้าง, บริการออกแบบสถาปัตยกรรม งานวิศวกรรมโครงสร้างและระบบประกอบอาคาร เป็นต้น 2) ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Living Services) เช่น บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด หมู่บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน บริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์, บริการบริหารจัดการอสังหาฯ เพื่อเช่าระยะยาว เป็นต้น และ 3) ธุรกิจให้บริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ (Living & Earning Services) เช่น บริการออกแบบและตกแต่งภายในบ้าน คอนโดมิเนียมและพื้นที่ส่วนกลางโครงการอสังหาฯ, บริการทำความสะอาดภายในที่พักอาศัย ส่วนกลางโครงการอสังหาฯ อาคารสำนักงาน และโรงงาน, บริการงานช่างและขนย้ายสิ่งของ เป็นต้น
บริษัทวางกลยุทธ์ขยายงานบริการและสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ให้หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัยในทุกจังหวะของการใช้ชีวิต (At Your Service, Every Moment) ตลอดจนเป็นแบรนด์แรกๆ ที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการใช้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งได้วางแผนขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจ รวมถึงให้ความสำคัญกับลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 62-64 มีรายได้รวม 255.69 ล้านบาท 266.51 ล้านบาท และ 489.56 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 30.48% ต่อปี และมีกำไรสุทธิ 34.52 ล้านบาท 40.05 ล้านบาท และ 111.25 ล้านบาทตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 74.09% ต่อปี ปี
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 604.26 ล้านบาท เติบโต 95.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 156.02 ล้านบาท เติบโต 128.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเติบโตได้ดี และมีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) อยู่ที่ 61.62% และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 81.20%
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PRI เป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจกว่า 11 ปี มีจุดเด่นที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ได้แบบครบวงจร ด้วยการสามารถนำเสนอบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่ต้นจนจบแก่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ และตอบสนองความต้องการด้านการอยู่อาศัยแก่ลูกค้ารายย่อย จึงช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น
ปัจจุบัน PRI มีฐานลูกค้าทั้งที่เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์และลูกค้ารายย่อยของ ORI ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และให้บริการแก่ลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์และลูกค้ารายย่อยทั่วไป รวมถึงมีการทำสัญญาให้บริการระยะยาวแก่ลูกค้าจึงมีรายได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจของ PRI จะได้รับประโยชน์จากภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังฟื้นตัวและเปิดโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก รวมถึงไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะเสริมศักยภาพด้านเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวแก่การดำเนินงาน ซึ่ง PRI จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจปัจจุบันและพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นางสาวยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เชื่อว่าด้วยศักยภาพของ PRI ซึ่งเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น มีการให้บริการแบบครบวงจร สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และลูกค้ารายย่อยได้แบบวันสต็อปเซอร์วิส รวมถึงแผนงานขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่เติบโตอย่างมีศักยภาพต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์