วิธีหารายได้ที่สองจาก Passive Income
คุณธนพงศ์ วงศ์ชินศรี (คุณต่อ เพนกวิน) มาแชร์อีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน ที่จะคอยซัพพอร์ตธุรกิจหลังของทุกคนนั่นก็คือ การซื้อคอนโดปล่อยเช่า ซึ่งการลงทุนแบบนี้เป็นการลงทุนแบบ Passive Income ทำให้ระหว่างที่เรากำลังลงแรงไปกับธุรกิจหลักของเรา เราก็ยังมีรายได้อีกทางที่เราไม่จำเป็นต้องลงแรงไปกับมัน หรือหากธุรกิจหลักของเรานั้นมีปัญหา เราก็ยังมีรายได้ตรงนี้มาช่วยเหลือ
และโครงการที่ทางคุณต่อจะมาเล่าให้ฟังคือ Origin EEC Investment Property Program หรือเรียกสั้น ๆ ว่า IP Program ซึ่งโครงการนี้จะไม่เหมือนกับโครงการอื่น ๆ แน่นอนเพราะมีการการันตีผลตอบแทน 3 ปีแรกอยู่ที่ 6% ได้รับผลตอบแทนทุกเดือนไม่มีฟันหลอ มีรายได้ตั้งแต่เดือนแรกที่ซื้อ แม้ห้องยังไม่พร้อมให้เช่า และสิทธิประโยชน์อีกมากมาย
การลงทุน คือการคาดหวังผลกำไรที่เราได้ลงทุนเอาไว้ 10-20% ของยอดขาย ที่จะได้ต่อเดือน หรือ ต่อปี ซึ่งการลงทุนก็มีโอกาสที่จะเจ๊งมากได้มากที่สุด (ธุรกิจร้านอาหาร) ซึ่งการลงทุนธุรกิจร้านอาหารจะให้ผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน ซึ่งด้วยสถาณการณ์เงินเฟ้อ ทำให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น ค่าเช่าก็แพงมากขึ้น กว่า 30% แต่ปรับราคาค่าอาหารเพิ่มไม่ได้ ทำให้อัตราผลกำไรจะได้ 10-20% จะยิ่งยากมากๆ
Active Income
คือ รายได้ที่เกิดจากเราทำงาน ถ้าวันใดหยุดงานหรือไม่ได้ทำงานก็จะไม่สามารถรับรายได้ ได้เลย ซึ่งต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเพื่อให้มีรายได้ที่ดียิ่งขึ้น เหมือนกับการลงทุนความรู้ความสามารถให้มีสกิลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Passive Income
ได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า Active Income แต่ว่าเราไม่ต้องลงมือ ลงแรงเอง สามารถให้เงินทำงานแทนเราได้ แต่ว่าต้องหารายได้ที่ดีมาก่อนที่จะลงทุน Passive Income ก่อน ซึ่ง Passive Income จะมีรายได้ที่น้อยกว่า แต่มั่นคงกว่า และได้ตลอดทุกเดือน
ซึ่งการฝากความหวังไว้รายได้ไว้ทางเดียว มีความเสี่ยงมากๆ เราควรหาธุรกิจที่ความเสี่ยงน้อย แต่มีรายได้เพิ่มมากขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำกันครับ ก็คือ
การลงทุนอสังหาฯ
IP Program คือการซื้อคอนโดปล่อยเช่ารูปแบบหนึ่ง แต่ว่า ต่างกับการปล่อยเช่าที่เรารู้จักกัน โดยการลงทุนนั้นต้องดูจากทำเลที่ตั้งเป็นส่วนสำคัญ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือ EEC ซึ่ง EEC เป็นโครงการที่มีการลงทุนจากต่างชาติ มากมาย ซึ่งมีโอกาสที่จะเติบโตได้มาก และราคาที่จะซื้อปล่อยเช่านั้นดีกว่าในเมือง เพราะว่าราคายังไม่แพง เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ซึ่งตลาดการเช่าที่ EEC จะเน้นเรื่องของ IP Program ที่จะเน้น คนอยู่ไม่ได้จ่าย คนจ่ายไม่ได้อยู่ โดยเน้นธุรกิจ B2B ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนแบบ Passive Income
IP Program ต่างกับซื้อคอนโดปล่อยเช่าอย่างไร
ซื้อคอนโดปล่อยเช่าแบบปกติ
ผลตอบแทนของการลงทุน จะอยู่ประมาณ 3-5% ต่อปี ที่เป็นการปล่อยเช่าทั่วไป ซึ่งจะเป็นกำไรที่เราได้ของการปล่อยเช่าแบบทั่วไป แต่จะมีช่วงเวลาที่ไม่มีค่าเช่าคือช่วงที่กำลังหาคนเช่า หรือว่ากำลังตกแต่งห้อง จุดนี้ทำให้เราไม่สามารถหารายได้ ได้ ทำให้ผลตอบแทนไม่ถึง 3-5% และจะมีปัญหาของการดูแลผู้เช่า การหานายหน้ามาหาคนเช่า ที่เราจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ซื้อคอนโดปล่อยเช่าแบบ IP Program
เช่าคอนโดแบบซื้อกลับ 10+10 ปี ซึ่งจะต้องเซ็นสัญญากับ Hampton Hotel & Residence Management ให้เข้ามาบริหารจัดการคอนโดให้กับเราเป็นเวลา 10 ปี และเราจะได้รับค่าตอบแทนทุกเดือน *หลังครอบสัญญา 10 ปี จะเซ็นสัญญาต่ออีก 10 ปี หรือไม่ก็ได้ ไม่ต้องตกแต่งห้องเอง มีบริการตกแต่งห้องให้ มี Service Apartment ปันผลระยะแยว ป้องกันความเสี่ยงทุกรูปแบบทั้ง เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยสูง ฯลฯ รวมถึงมีผลกำไรในการลงทุน Capital Gain (ผลกำไรจากส่วนต่างๆของราคาหลักทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้น หรือ ง่ายๆว่าคอนโดราคาสูงขึ้นไม่มีตกลง) เพิ่มเติมอีกด้วย
ผลตอบแทนของ IP Program จะเป็นผลตอบแทนแบบ Dividend Payout Ratio คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล = เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้น ยิ่งห้องใหญ่จะมีมูลค่ามากกว่า ซึ่งจุดเด่นที่ดีที่สุดของโปรแกรม IP คือ การได้รับผลตอบแทนทุกเดือนแบบ 100% และได้รายได้ตั้งแต่เดือนแรก แม้ห้องยังไม่พร้อมให้เช่า และมีการการันตีผลตอบแทน 3 ปีแรกสูงถึง 6% ให้ผลตอบแทน รายไตรมาส
ข้อดีของ Service Apartment
คือการแบ่งห้องเป็นสัดส่วนต่างๆ พร้อมอยู่อาศัยในระยะยาว แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับโรงแรม มีบริการแม่บ้าน บริการคอนเชียส บริการซักรีด บริการระดับเดียวกับโรงแรม 5 ดาว
เห็นไหมครับว่าการลงทุนแบบ Passive Income (ด้วยโปรแกรม IP) นั้นมีข้อดีต่างๆ มากมายๆ หากท่านใดที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 020 300 000