“สมรสเท่าเทียม” (Marriage Equality) หมายถึง กฎหมายหรือระบบที่เปิดให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมกับคู่รักชาย-หญิงทั่วไป ซึ่งหากมองในมุมของ “สิทธิและหน้าที่” ที่ตามมาหลังการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย (ไม่ใช่แค่การจดทะเบียนคู่ชีวิต) โดยหลักการแล้ว จะพยายามให้สิทธิและหน้าที่เหมือนกับคู่สมรสชาย-หญิงตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งอาจสรุปสิทธิสำคัญ ๆ ได้ ดังนี้
- สิทธิในการเป็นทายาทและรับมรดก
- หากกฎหมายสมรสเท่าเทียมเปิดให้คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้ การเป็นคู่สมรสตามกฎหมายย่อมมีสิทธิเป็น “ทายาทโดยธรรม” และได้รับมรดกตามลำดับชั้นทายาท เช่นเดียวกับคู่ชาย-หญิงที่สมรสกัน
- สิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน
- คู่สมรสจะมี “สินสมรส” ที่ได้มาหลังวันจดทะเบียน ไม่ว่าจะได้มาด้วยการทำงานหรือการทำมาหาได้ใด ๆ ซึ่งแต่ละฝ่ายมีสิทธิและหน้าที่ในการจัดการร่วมกัน ตลอดจนแบ่งสินสมรสเมื่อมีเหตุหย่า หรือมีการแยกกันในทางกฎหมาย
- สิทธิในการลดหย่อนภาษีและสิทธิประโยชน์ด้านภาษี
- กฎหมายภาษีมักให้สิทธิและประโยชน์แก่คู่สมรส (เช่น การยื่นภาษีแบบคู่ การลดหย่อนภาษีสำหรับคู่สมรส หรือบุตรบุญธรรม) หากสมรสเพศเดียวกันได้รับการรับรองตามกฎหมาย ก็จะได้รับประโยชน์เหล่านี้เช่นเดียวกัน
- สิทธิในการรับสวัสดิการและประกันสังคม
- หากฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ประกันตนหรือทำงานในหน่วยงานรัฐหรือเอกชนที่มีสวัสดิการสำหรับ “คู่สมรส” อีกฝ่ายก็สามารถรับสิทธิประโยชน์เดียวกันได้ เช่น สิทธิในการรักษาพยาบาล การเบิกค่ารักษาพยาบาล สิทธิในการลาหยุดดูแลครอบครัว เป็นต้น
- สิทธิในการตัดสินใจแทนกันในทางการแพทย์หรือกฎหมาย
- คู่สมรสมีสิทธิตัดสินใจแทนกันในกรณีฉุกเฉิน หรือเรื่องสุขภาพ (เช่น การให้ความยินยอมผ่าตัด) รวมถึงกระบวนการทางกฎหมาย เช่น เซ็นยินยอมในเอกสารบางอย่างแทนกันได้
- สิทธิในการรับบุตรบุญธรรม
- ในหลายประเทศที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม คู่รักเพศเดียวกันสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ ซึ่งเป็นสิทธิที่มีความสำคัญต่อการสร้างครอบครัวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- สิทธิด้านการเข้าเมือง (วีซ่า/ถิ่นที่อยู่)
- หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ ก็สามารถอ้างสิทธิในฐานะ “คู่สมรสตามกฎหมาย” เพื่อขอวีซ่า ย้ายถิ่นฐาน หรือพำนักในประเทศของอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น (ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ)
- สิทธิและหน้าที่อื่น ๆ
- เช่น สิทธิในการใช้ “นามสกุล” ร่วมกัน (ถ้ากฎหมายอนุญาต) สิทธิในการร้องทุกข์ร่วมกัน กรณีถูกละเมิด หรือแม้แต่ “หน้าที่” ด้านค่าเลี้ยงดูในกรณีหย่า เป็นต้น
สถานะของสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย
- ขณะนี้ (ข้อมูลในช่วงปี 2023-2024) ประเทศไทยยังไม่ได้มีกฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” ที่สมบูรณ์ แต่มีการเสนอร่างกฎหมายหลายฉบับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อาทิ
- ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (สมรสเท่าเทียม) ซึ่งมุ่งให้คำว่า “คู่สมรส” ครอบคลุมคู่รักเพศเดียวกัน
- ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ซึ่งมุ่งเน้นการให้สิทธิใกล้เคียงกับการสมรส แต่ยังมีข้อแตกต่างในรายละเอียดบางประการ
- หากร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านการพิจารณาอย่างสมบูรณ์และประกาศใช้ คู่รักเพศเดียวกันในไทยจะสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับสิทธิ-หน้าที่ทุกประการเช่นเดียวกับคู่สมรสชาย-หญิง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมรดก ทรัพย์สิน สิทธิทางการแพทย์ สิทธิทางภาษี และอื่น ๆ
- อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่กฎหมายยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรือยังไม่ประกาศใช้ การได้รับสิทธิต่าง ๆ อาจยังคงมีข้อจำกัด หรือบางกรณีอาจใช้กระบวนการทางแพ่งอื่น ๆ เช่น การทำพินัยกรรม การทำหนังสือมอบอำนาจ หรือการทำสัญญาระหว่างเอกชน เพื่อสร้างหลักประกันหรือข้อผูกพันตามกฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกันได้ในระดับหนึ่ง
ความสำคัญของสิทธิเหล่านี้:
สิทธิเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาค และความเท่าเทียม ให้กับคู่รัก LGBTQ+ ทำให้พวกเขาสามารถสร้างครอบครัวและใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เหมือนกับคู่รักชายหญิง
สรุป
หาก “สมรสเท่าเทียม” ในประเทศไทยได้รับการประกาศใช้เป็นกฎหมายอย่างสมบูรณ์ คู่รักเพศเดียวกันจะได้สิทธิและหน้าที่ต่าง ๆ เหมือนคู่สมรสชาย-หญิงทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในมรดก ทรัพย์สินร่วม ภาษี สวัสดิการ การรับบุตรบุญธรรม และสิทธิการตัดสินใจแทนกันด้านการแพทย์หรือกฎหมาย ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความมั่นคงทางกฎหมายแก่คู่รักหลากหลายเพศสภาพได้อย่างแท้จริง
Primo Service Solution ขอร่วมแสดงความยินดีกับ #สมรสเท่าเทียม ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ก้าวสำคัญที่ทุกคนเท่าเทียมกัน