ปัจจุบันรถไฟฟ้าได้มีการขายตัวออกไปสู่งชานเมืองเป็นที่เรียนร้อยแล้ว มาดูกันว่า ที่ดินรอบรถไฟฟ้า ตามการจัดอันดับที่ไหนมีการขยายตัวมากที่สุดไปดูกันได้เลย อัปเดต 2566 ล่าสุด
5 ที่ดินรอบรถไฟฟ้า ขายตัวมากที่สุด อัปเดต 2566
ศูนย์ข้อมูลสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ได้ให้ข้อมูล 5 ที่ดินรอบรถไฟฟ้า ล่าสุด 2566 ดังนี้
การจัดอันดับที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาตามแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่าน พบว่าเส้นทางรถไฟฟ้า 5 อันดับแรก ที่มีอัตราราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นทำเลโครงการบ้านจัดสรร หรือเป็นส่วนต่อขยายของแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ดังนี้
- อันดับ 1 สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) มีค่าดัชนีเท่ากับ 420.8 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 9.8% บริเวณที่มีเพิ่มขึ้นมาก คือ อำเภอเมืองนนทบุรี และอำเภอบางบัวทอง
- อันดับ 2 สายสีเขียว (คูคต-ลำลูกกา) มีค่าดัชนีเท่ากับ 339.8 จุด มีอัตราราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 9.2% บริเวณที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นมาก คือ อำเภอลำลูกกา
- อันดับ 3 สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และ สายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-ม.ธรรมศาสตร์รังสิต) มีค่าดัชนีเท่ากับ 446.5 จุด และ 439.6 จุด ตามลำดับ มีอัตราราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 7.8% บริเวณที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นมาก คือ เขตดอนเมือง เขตบางเขน และอำเภอคลองหลวง
- อันดับ 4 รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินMRT และสายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) มีค่าดัชนีเท่ากับ 474.0 จุด และ 466.6 จุด ตามลำดับ โดยมีอัตราราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 7.5% บริเวณที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นมาก คือ เขตจตุจักร ห้วยขวาง และราชเทวี
- อันดับ 5 สายสีแดงเข้ม (หัวลำโพง-มหาชัย) มีค่าดัชนีเท่ากับ 441.1 จุด มีอัตราราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 6.4% บริเวณที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นมาก คือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร และบางขุนเทียน
ราคาปรับขึ้นแบบชะลอตัว
ดัชนีราคาที่ดินยังคงปรับขึ้นแต่อยู่ในอัตราที่ชะลอตัว โดย ศูนย์ข้อมูลสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ให้ข้อมูลว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงราคาที่เพิ่มสูงขึ้น อยู่ในกลุ่มการซื้อขายที่ดินในพื้นที่จังหวัดปริมณฑล ขณะที่กรุงเทพฯ โซนพื้นที่ชั้นในชะลอการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใหญ่
ส่งผลให้อัตราการเพิ่มขึ้นของค่าดัชนียังคงต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย 5 ปี ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 (ปี 2558-2562) ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยต่อปี 14.8% และอัตราเฉลี่ยต่อไตรมาส 4.1%
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาที่ดินเปล่าเพิ่มขึ้นอย่างชะลอตัว คือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม 2566 ยังคงเพิ่มขึ้น2.83% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้หลายภาคธุรกิจลงทุนในแบบชะลอตัว เพื่อรอการฟื้นตัวที่ชัดเจนของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการซื้อที่ดินในตลาดชะลอตัวลงไปด้วย ทำให้ราคาที่ดินมีการปรับเพิ่มขึ้นไม่มากเหมือนช่วงหลายปีก่อนหน้า
จากภาวะราคาที่ดินที่มีการเปลี่ยนแปลงข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่าที่ดินที่อยู่บริเวณพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการเปลี่ยนแปลงของราคามาก เนื่องจากที่ดินที่อยู่บริเวณพื้นที่ชานเมืองมีราคาไม่แพงและยังสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบได้
ซึ่งทำให้สามารถควบคุมต้นทุนของราคาที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้ ทั้งนี้ โซนเหล่านี้เป็นโซนที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญเป็นโซนที่มียอดขายในระดับต้น ๆ อีกด้วย
เลือกคอนโดแนวรถไฟฟ้าอย่างไรให้กำไรดีที่สุด
1.เลือกทำเลที่ตั้ง
“คอนโดทำเลติดรถไฟฟ้า” ต้องพิจารณาดีๆ โดยสถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อในการเปลี่ยนเส้นทางไปยังรถไฟฟ้าสถานีอื่นๆได้อย่าง สถานีสยาม สถานีบางหว้า สถานีหมอชิต (เชื่อมต่อ MRT) และสถานีอโศก (เชื่อมต่อ MRT) นั้น จะมีความพลุกพล่านของผู้คนจนทำให้เกิดความเจริญของเศรษฐกิจโดยรอบ ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างกำไรในยามที่ขายต่อได้ดีกว่าครับ
แต่ถ้าหากสู้ราคาคอนโดทำเลทองเหล่านั้นไม่ไหว การมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเช่น ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาล หรือใกล้สถานศึกษา ก็ย่อมเป็นอีกหนึ่งการสร้างคุณค่าให้กับอสังหาฯของเราในยามที่จะขายต่อเพื่อสร้างกำไรอีกเช่นเดียวกัน
2.เลือกชั้นและห้องให้ถูกจุด
การเลือกชั้นของห้องก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราสามารถทำกำไรจากคอนโดได้อีกทาง โดยห้องที่ขายต่อได้ง่ายส่วนใหญ่มักจะเป็นห้องที่ไม่มีวิวที่ถูกบดบังทัศนียภาพจากอาคาร ต้นไม้ ทางด่วน ฯลฯสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้โดยรอบ รองลงมาก็จะเป็นห้องที่มีทิศทางของลมและแสงแดดที่ดี ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป (ควรหลีกเลี่ยงห้องที่ติดกับฝั่งทิศตะวันตกเพราะจะร้อนมากๆ)
3.เลือกห้องที่มีความเฉพาะ
การจะทำกำไรในระยาวนั้น ควรเริ่มต้นจากการมองหาห้องที่มีความเฉพาะตั้งแต่ช่วงจอง ไม่ว่าจะเป็น มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่ม มีระเบียงที่กว้างขึ้น มีหน้าต่างเพิ่มเนื่องจากอยู่ริมสุด อยู่ใกล้บันไดหนีไฟ สามารถเดินไปสระว่ายน้ำได้อย่างสะดวก ฯลฯ ซึ่งห้องที่มีคุณลักษณะพิเศษเหล่านี้จะเป็นที่ต้องการของผู้ซื้ออย่างแน่นอนครับ
4.เลือกแบรนด์
เชื่อหรือไม่ว่าแบรนด์ของคอนโดก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างคำนึงถึงอยู่ไม่น้อย เพราะดีเวลลอปเปอร์แต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นและจุดขายที่แตกต่างกันไป ซึ่งชาว Gen-C ควรเลือกซื้อคอนโดกับดีเวลลอปเปอร์ที่ไว้ใจได้ มีมาตรฐานในการเลือกใช้วัสดุ รวมไปถึงมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัยอยู่เสมอ จึงจะทำให้คอนโดของเราสามารถขายต่อและทำกำไรได้ในระยะยาวนั่นเอง
5. เลือกที่งบประมาณ
ข้อสุดท้ายคือการเลือกคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่งบประมาณของเราถึงและคิดว่าไม่แพงจนเกินไปถ้าหากจะขายต่อ เพราะคอนโดที่มีราคาสูงเกินไปอาจทำให้เราต้องตั้งหน้าตั้งตาผ่อนจนไม่มีเงินเหลือไว้ใช้ทำอย่างอื่นที่สร้างความสุขให้แก่ชีวิต และยิ่งถ้าหากคิดถึงการปล่อยเช่าหรือขายต่อในอนาคต พวกคอนโดที่มีราคาสูงมากๆถ้าตัวห้องและทำเลที่ตั้งไม่เป็นที่ต้องการของตลาดจริงๆก็อาจเสี่ยงต่อการขาดทุนได้อย่างแน่นอน
อ่านบทความรถไฟฟ้าเพิ่มเติมได้ที่ : PRIMO
———————————
𝐏𝐫𝐢𝐦𝐨 𝐒𝐞𝐫𝐯𝐢𝐜𝐞 𝐒𝐨𝐥𝐮𝐭𝐢𝐨𝐧𝐬
เป็นผู้นำในธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจรและกำกับดูแลกิจการในกลุ่มบริษัทในเครือ ให้พัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาและลงทุนในธุรกิจสมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
𝐒𝐮𝐩𝐞𝐫 𝐋𝐢𝐯𝐢𝐧𝐠 𝐒𝐞𝐫𝐯𝐢𝐜𝐞𝐬, 𝐇𝐚𝐩𝐩𝐲 𝐌𝐚𝐤𝐞𝐫
Tel : 02-0810000
Website: https://primo.co.th/
Line : https://lin.ee/Jt3nhkF