“Pride Month” เดือนของ LGBTQ+ เพราะเราเท่าเทียมกัน 2023 Pride Month หรือ “เดือนความภาคภูมิใจ” เป็นช่วงเวลาที่ใหญ่ในการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศและเพศวิถี และส่งเสริมความรู้สึกและการยอมรับตนเองของคนที่เป็นสมาชิกของกลุ่ม LGBTQ+ (Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender, Queer, and others) ทั่วโลก โดยในเดือนนี้จะมีการจัดกิจกรรม เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความภาคภูมิใจและความชอบในตัวตนที่แท้จริง ซึ่งความภูมิใจที่เกิดขึ้นนั้นต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดจากการโดยดูถูก การใช้ความรุนแรง และการเลือกปฏิบัติของสังคม ส่งผลทำให้เกิดความกดดันไปจนถึงการปิดบังตัวตน
ประวัติของ Pride Month เริ่มต้นขึ้นจากการเกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของสภาพสัมพันธ์กับความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการประท้วงในเดือนกรกฎาคมของปี ค.ศ. 1969 ที่เรียกว่า “การจลาจลสำนักบริเวณสไตน์วอลล์” (Stonewall Riots) ในนิวยอร์กซิตี้ สหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลานี้ ชุมชน LGBTQ+ ถูกบังคับให้มีพฤติกรรมทางเพศที่เป็นอันตราย และเผชิญกับการเป็นเป้าหมายของการลงโทษและการเลียนแบบ ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1969 โดยทางด้าน LGBTQ+ ตัดสินใจต่อต้านการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและก่อเป็นเหตุการณ์จลาจลครั้งใหญ่ในที่สุด
และการจลาจลที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดขบวนการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศกระตุ้นให้ผู้คนแสดงตนมากขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียม และในปีต่อมาในเดือน “มิถุนายน” ในทุก ๆ ปีจึงเกิดการเดินขบวนเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การจราจลในครั้งนั้น
LGBTQ+ ย่อมาจากอะไร?
คำนี้ใช้เพื่อพูดถึงกลุ่มคนที่มีเพศวิถีและเพศรูปแบบที่แตกต่างจากทางธรรมชาติ หรือมีการรักและเสน่ห์ทางเพศที่ไม่เป็นไปตามทางเพศที่ได้ถูกกำหนดตามเพศทางกายภาพของตนเอง
L ย่อมาจาก Lesbian หมายถึง หญิงรักหญิง
G ย่อมาจาก Gay หมายถึง ชายรักชาย
B ย่อมาจาก Bisexual หมายถึง บุคคลรักได้ทั้งสองเพศ
T ย่อมาจาก Transgender หมายถึง บุคคลข้ามเพศ
Q ย่อมาจาก Queer หมายถึง การไม่จำกัดในเรื่องเพศ และความรัก
ในเอเชียยังมีประเทศไม่กี่ประเทศที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือให้การยอมรับสถานะทางกฎหมายที่คล้ายคลึงกับการสมรสระหว่างเพศเดียว ตัวอย่างประเทศที่มีกฎหมายเช่นนี้ ได้แก่
ไต้หวัน: ไต้หวันได้รับการยอมรับว่าการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวเป็นกฎหมายตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 ซึ่งมีผลให้คู่รักเพศเดียวสามารถจดทะเบียนและทำพิธีการแต่งงานเท่าเทียมกับคู่รักที่มีเพศตรงข้าม
ประเทศญี่ปุ่น: เมื่อปี 2558 ได้มีการเริ่มใช้ระบบ แต่การรับรองสิทธินี้ไม่มีผลผูกพันอื่นใดในทางกฎหมาย ทำให้ในปี 2562 นักเคลื่อนไหวและคู่รักเพศเดียวกัน จึงมีการฟ้องร้องเพื่อให้ได้สิทธิในการสมรสเท่าเทียมตามกฎหมาย ในเดือนมิถุนายน ปี 2565 ประเทศญี่ปุ่นจึงมีการรับรองสถานะคู่รักเพศเดียวกันในฐานะ “คู่ชีวิต” ซึ่งคู่รักที่ขอใบรับรองต้องเป็นบุคคลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และอย่างน้อยหนึ่งคนต้องอาศัย เดินทางไปทำงาน หรือศึกษาอยู่ในกรุงโตเกียว การรับรองดังกล่าวแม้ไม่ใช่การสมรสตามหลักกฎหมาย แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับการผลักดันให้เกิดการสมรสเท่าเทียมเกิดขึ้นในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม มีประเทศอื่น ๆ ในเอเชียที่ไม่ยอมรับหรือไม่มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสมรสเพศเดียวในฐานะกฎหมาย และมีสภาวะทางสังคมและการยอมรับที่ยากลำบากต่อความหลากหลายทางเพศและเพศรูปแบบในสังคม
ขอบคุณข้อมูลจาก: sdgmove.com
ติดตามบทความเพิ่มเติมได้ที่ PRI