PRI ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โตแตะ 1.3 พันล้าน รุกขยายบริการอสังหาฯ ครบวงจร PRI กวาดรายได้ทั้งปี 914 ล้านบาท โต 86% ดันกำไรแตะ 240 ล้านบาท กางแผนปี 66 เดินหน้าขยายบริการอสังหาฯทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำต่อเนื่อง ทั้งผ่านการเติบโตเองและเติบโตร่วมกับพันธมิตร ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 1,300 ล้านบาท
นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 นั้น บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 914.6 ล้านบาท เติบโต 86.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 พร้อมกำไรสุทธิ 240.1 ล้านบาท เติบโต 115.9% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 26.3% ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทสูงที่สุดในปี 2565 ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) โดยมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าว 412.7 ล้านบาท เติบโตถึง 112.8% จากปี 2564 หรือเติบโตขึ้นมากกว่าเท่าตัว เนื่องจากบริษัทขยายพอร์ตการให้บริการบริหารนิติบุคคลแก่นิติบุคคลอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรรในโครงการใหม่ ๆได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ธุรกิจบริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์และบริการจัดหาผู้ร่วมทุน (JV) ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการฟื้นตัวภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในปี 2565 ได้แก่ กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) มีรายได้ 126.3 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3 เท่าจากปี 2564 เนื่องจากเริ่มมีรายได้จากธุรกิจบริการออกแบบสถาปัตยกรรม งานวิศวกรรมโครงสร้าง และวิศวกรรมระบบประกอบอาคารแบบเต็มปีเป็นครั้งแรก มีฐานลูกค้าโครงการในธุรกิจที่ปรึกษาการบริการและควบคุมงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น รวมถึงมีคอร์สฝึกอบรมใหม่ๆ ภายใต้ UPM Academy ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มธุรกิจปลายน้ำ – บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) นั้น มีรายได้ 374.5 ล้านบาท เติบโต 48.0% เนื่องจากมีรายได้จากการให้บริการออกแบบและตกแต่งเพิ่มมากขึ้นทั้งภายในพื้นที่ส่วนกลางโครงการอสังหาริมทรัพย์และภายในพื้นที่พักอาศัย รวมถึงมีรายได้ใหม่ ๆ จากจำนวนลูกค้าธุรกิจบริการทำความสะอาดเพิ่มขึ้น
นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2566 นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร Super Living Service ขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ ทั้งการเพิ่มบริการในเซ็กเมนต์ใหม่ การเปิดตัวธุรกิจใหม่ ตลอดจนการบุกตลาดต่างจังหวัดเพื่อให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมถึงก้าวเป็น Happy Maker ที่มีบริการพร้อมตอบโจทย์การสร้างความสุขให้ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต
“เราจะเดินหน้าเติบโตทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth โดยปัจจุบันยังคงมีการพูดคุยกับพันธมิตรเพื่อมองหาแนวทางสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นางสาวจตุพร กล่าว
โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทตั้งเป้าจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันมากกว่า 150 โครงการ ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ถึงราว 173.06% หรือเกือบ 3 เท่าตัว